การเก็บอากรและภาษีนําเข้าระหว่างประเทศในขั้นตอนการชำระเงิน
หากต้องการเรียกเก็บอากรและภาษีนำเข้าในขั้นตอนการชำระเงินของร้านค้า ร้านค้าของคุณจะต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้
- อยู่ในแผนAdvanced ShopifyหรือShopify Plus
- ใช้บริการจัดส่งอื่นนอกเหนือจากShopify Shipping
- ไม่ได้ใช้Shopify Fulfillment Network
- ใช้พิกัดศุลกากร (HS)กับสินค้า
- ใช้ภาษีตามการจดทะเบียน
หากร้านค้าของคุณมีคุณสมบัติไม่ตรงตามข้อกำหนดการเรียกเก็บอากรและภาษีนำเข้าในขั้นตอนการชำระเงิน คุณสามารถใช้แอปจากภายนอกเพื่อคำนวณอากรและภาษีนำเข้าได้
ในหน้านี้
การกำหนดราคา
ระบบจะคิดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมกับคำสั่งซื้อที่มีการคำนวณอากรและภาษีนำเข้า ซึ่งจำนวนค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมนี้จะขึ้นกับอยู่ว่าคุณใช้Shopify Paymentsหรือผู้ให้บริการการชำระเงินภายนอก
- ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม 0.85% จะใช้กับคำสั่งซื้อที่มีอากรและภาษีนำเข้าที่คำนวณ ณ ขั้นตอนการชำระเงินในร้านค้าที่ใช้ Shopify Payments เป็นช่องทางการชำระเงิน ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม 0.85% จะใช้กับคำสั่งซื้อที่มีการใช้งานผู้ให้บริการการชำระเงินภายนอก เช่น PayPal ตราบใดที่ Shopify Payments เป็นช่องทางหลัก
- ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม 1.5% จะใช้กับคำสั่งซื้อที่มีอากรและภาษีนำเข้าที่คำนวณ ณ ขั้นตอนการชำระเงินในร้านค้าที่ใช้ผู้ให้บริการการชำระเงินรายอื่นเป็นช่องทางการชำระเงิน ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม 1.5% จะใช้กับร้านค้าที่ใช้งานShop Pay เป็นช่องทางการชำระเงินแบบเร่งด่วนหาก Shopify Payments ไม่ใช่ช่องทางการชำระเงินหลัก
คำสั่งซื้อทุกรายการที่มีการคำนวณอากรและภาษีนำเข้าที่ขั้นตอนการชำระเงินจะมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม แม้ว่าจำนวนที่คำนวณได้จะมีค่าเป็น 0 ก็ตาม จะไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมในกรณีต่อไปนี้
- คำสั่งซื้อที่จัดส่งไปยังประเทศหรือภูมิภาคเดียวกันกับที่ตั้งของร้านค้านั้นๆ
- คำสั่งซื้อที่จัดส่งระหว่างประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป
- ขั้นตอนการชำระเงินที่ยังไม่เสร็จสิ้น
เรียกเก็บอากรและภาษีนำเข้าที่ขั้นตอนการชำระเงิน
เมื่อคุณเปิดใช้งานการเก็บอากรและภาษีนำเข้าที่ขั้นตอนการชำระเงิน ระบบจะเรียกเก็บอากรและภาษีนำเข้าสำหรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ซึ่งจะไม่ส่งผลต่อคำสั่งซื้อจากภูมิภาคที่คุณมีตำแหน่งที่ตั้งการจัดการคำสั่งซื้อ
ขั้นตอน:
- จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า>ภาษีและอากร
- ในส่วนอากรและภาษีนำเข้าให้คลิก"ตั้งค่า"
- ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการขนส่งและการผสานการงานจากภายนอกของคุณรองรับการจัดส่งสินค้าที่ชำระอากรแล้ว (DDP)
- เลือกประเทศหรือภูมิภาคสำหรับจัดส่งที่คุณต้องการเก็บภาษีอากรและภาษีนำเข้าในขั้นตอนการชำระเงิน
- ตรวจสอบสินค้าที่ปักธงว่าไม่มีรหัส HS และ ประเทศหรือภูมิภาคต้นทางและเพิ่มข้อมูลที่ขาดหายไปเพื่อให้แน่ใจว่ามีการคํานวณอากรและภาษีนําเข้าอย่างถูกต้อง
- ยืนยันว่าคุณได้อัปเดตนโยบายร้านค้าและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการขายระหว่างประเทศแล้ว
- ตรวจสอบข้อตกลงและเงื่อนไขในการคำนวณภาษีอากรและภาษีระหว่างประเทศในขั้นตอนการชำระเงิน
- คลิก “ยอมรับและเปิดใช้งาน”
เมื่อตั้งค่าอากรและภาษีนําเข้าในขั้นตอนการชำระเงินเสร็จสิ้นแล้ว โปรดตรวจสอบงานเพิ่มเติมที่ต้องทำให้เสร็จสิ้นเพื่อตั้งค่าร้านค้าสำหรับการขายระหว่างประเทศของคุณ
เพิ่มพิกัดศุลกากรและประเทศหรือภูมิภาคต้นทางไปยังสินค้าของคุณ
หากต้องการแสดงภาษีโดยประมาณให้แก่ลูกค้าในต่างประเทศเห็นในขั้นตอนการชำระเงินของคุณ คุณควรแก้ไขรายละเอียดสินค้าให้มีบอกประเทศหรือภูมิภาคต้นทางพร้อมพิกัดศุลกากรเพื่อให้คำนวณราคาได้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น หากสินค้าไม่มีพิกัดศุลกากร การคำนวณจะอิงตามคำอธิบายและหมวดหมู่ของสินค้าแทน หากสินค้าไม่มีพิกัดศุลกากร การคำนวณจะอิงตามคำอธิบายและหมวดหมู่ของสินค้าแทน หากสินค้าไม่มีพิกัดศุลกากร คำอธิบาย หรือหมวดหมู่ จะไม่มีการคำนวณภาษีอากรและภาษีนำเข้าของสินค้าดังกล่าว แม้ว่าคุณจะตั้งค่าให้คำสั่งซื้อจากประเทศหรือภูมิภาคนั้นมีการเก็บภาษีอากรและภาษีนำเข้าในขั้นตอนการชำระเงินแล้วก็ตาม
ประเทศหรือภูมิภาคต้นทางหรือ COO คือที่ที่สร้างหรือประกอบสินค้าลงในลักษณะที่คุณขายสินค้า และเป็นที่ที่สินค้าใช้ในรหัส HS ในการแยกประเภท ตัวอย่างเช่น คุณขายโต๊ะ โต๊ะะผลิตจากไม้จากแคนาดา กาวจากเม็กซิโก และสกรูจากประเทศจีน โต๊ะประกอบจากวัสดุเหล่านี้ในสหรัฐอเมริกา ในกรณีนี้ ประเทศหรือภูมิภาคต้นทางคือสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเป็นที่ที่วัสดุดังกล่าวถูกใช้เพื่อผลิตโต๊ะ
ระบบคำอธิบายสินค้าและรหัสแบบผสาน หรือรหัส HS มีไว้เพื่อการค้าระหว่างประเทศเพื่ออธิบายว่าสินค้าคืออะไร โดยทั่วไปแล้ว รหัส HS จะมีความยาวหกหลัก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรหัส HSจากองค์การศุลกากรโลก
หากต้องการเพิ่มพิกัดศุลกากรและประเทศหรือภูมิภาคต้นทางให้กับสินค้า ให้เลือกวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้:
- นําเข้าข้อมูลด้วยไฟล์ CSV
- ในส่วนผู้ดูแล Shopify ให้เพิ่มข้อมูลบนหน้าสินค้า
- ใช้เครื่องมือแก้ไขหลายรายการในครั้งเดียว
นำเข้าไฟล์ CSV เพื่อเพิ่มพิกัดศุลกากรและประเทศต้นทาง
หากคุณต้องอัปเดตสินค้าจำนวนมากและทราบพิกัดศุลกากรของสินค้าอยู่แล้ว หรือหากคุณไม่แน่ใจว่าสินค้าชิ้นใดยังไม่มีรหัส คุณสามารถใช้ไฟล์ CSVเพื่ออัปเดตสินค้าของคุณ
ขั้นตอน:
- จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า>ภาษีและอากร
- ในส่วนอากรและภาษีนำเข้าให้คลิก “จัดการ”
ส่งออกไฟล์ CSV แสดงสินค้าที่ยังไม่มีข้อมูล
- ในส่วนข้อมูลสินค้าให้คลิก “อัปเดตด้วย CSV”
- คลิกที่ส่งออก
- เลือกรูปแบบไฟล์ที่คุณต้องการแล้วคลิก “ส่งออกสินค้า” ระบบจะส่งไฟล์ CSV ให้คุณในอีเมล
แก้ไขไฟล์ CSV ของคุณโดยใช้โปรแกรมสเปรดชีต เช่นGoogle ชีต
นำเข้าไฟล์ CSV ที่แก้ไขแล้ว
- ในส่วนข้อมูลสินค้าให้คลิก “อัปเดตด้วย CSV”
- คลิกที่นำเข้า
- เพิ่มไฟล์ของคุณเพื่อนำเข้า โดยการคลิกที่ “เพิ่มไฟล์” หรือลากไฟล์ของคุณไปวางในหน้าต่างนำเข้า
- คลิกอัปโหลด
- คลิก “นําเข้า” คุณจะได้รับอีเมลเมื่อกระบวนการเสร็จสิ้น
ไฟล์ CSV ภาษีอากรและภาษีนําเข้าจะคล้ายกับไฟล์ CSV อื่นๆ ที่คุณใช้กับ Shopify แต่มีคอลัมน์ที่แตกต่างกัน คอลัมน์ต่อไปนี้จะใช้ใน CSV ภาษีอากรและภาษีนําเข้า
- แฮนเดิลสินค้า- แฮนเดิลคือชื่อเฉพาะของสินค้าแต่ละชิ้น ซึ่งสามารถเป็นตัวอักษร ขีด และตัวเลขได้ แต่ห้ามเว้นวรรค แฮนเดิลจะปรากฏบน URL ของสินค้าแต่ละชิ้น
- ชื่อสินค้า- คอลัมน์ชื่อไม่บังคับว่าต้องใส่ข้อมูล สามารถเว้นว่างได้
- SKU ของตัวเลือกสินค้า- SKU ของสินค้าหรือตัวเลือกสินค้า ค่านี้ใช้เพื่อติดตามสินค้าคงคลังด้วยบริการติดตามสินค้าคงคลัง
- ตัวเลือกที่ 1 ชื่อ- หากสินค้ามีตัวเลือก ชื่อของตัวเลือกนั้นจะแสดงอยู่ในคอลัมน์นี้ ตัวอย่างเช่น สี สำหรับสินค้าที่มีแค่ตัวเลือกเดียว ค่านี้ควรเป็นชื่อ
- ค่าตัวเลือกที่ 1- หากสินค้ามีตัวเลือก ค่าจะแสดงในคอลัมน์นี้ ตัวอย่างเช่น สีดำ สินค้าที่มีแค่ตัวเลือกเดียว ค่านี้ควรจะเป็นชื่อเริ่มต้น
- ชื่อตัวเลือกที่ 2- หากสินค้ามีตัวเลือกที่สอง ชื่อนั้นจะแสดงในคอลัมน์นี้ ตัวอย่างเช่น ขนาด
- ตัวเลือกที่ 2 ค่า- หากสินค้ามีตัวเลือกที่สอง ค่าของตัวเลือกนั้นจะแสดงอยู่ในคอลัมน์นี้ ตัวอย่างเช่น ใหญ่
- ตัวเลือกที่ 3 ชื่อ- หากสินค้ามีตัวเลือกที่สาม ชื่อของตัวเลือกนั้นจะแสดงอยู่ในคอลัมน์นี้ ตัวอย่างเช่น วัสดุ
- ค่าตัวเลือกที่ 3- หากสินค้ามีตัวเลือกที่สาม ค่านั้นจะแสดงในคอลัมน์นี้ ตัวอย่างเช่น ผ้าฝ้าย
- ประเทศต้นทาง- ประเทศต้นทางคือที่ที่สร้างหรือประกอบสินค้าลงในรูปแบบที่ขาย ค่าในคอลัมน์นี้จะใช้ในการประมาณอากรและภาษีนําเข้าจากลูกค้าในต่างประเทศ
- รหัส HS- รหัส HS คือหมายเลขที่แยกประเภทสินค้าเพื่อการค้าระหว่างประเทศ ค่าในคอลัมน์นี้จะใช้ในการประมาณอากรและภาษีนําเข้าจากลูกค้าในต่างประเทศ
เพิ่มพิกัดศุลกากรและประเทศหรือภูมิภาคต้นทางบนหน้าสินค้า
หากคุณไม่ได้มีสินค้าจำนวนมากในการอัปเดตและไม่ทราบว่ารหัส HS สินค้าของคุณ คุณสามารถเพิ่มรหัส HS และประเทศหรือภูมิภาคต้นทางได้โดยตรงในหน้าสินค้า
ขั้นตอน:
จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่สินค้า
คลิกที่ชื่อของสินค้าที่คุณต้องการเปลี่ยน
ในส่วน “ข้อมูลศุลกากร” ให้เปลี่ยนรายละเอียดสินค้า
- เลือกประเทศหรือภูมิภาคของต้นทาง
- ป้อนพิกัดศุลกากร หากคุณไม่มีพิกัดศุลกากรสำหรับสินค้าของคุณ ให้ป้อนคำอธิบายสินค้าของคุณเพื่อค้นหารหัสที่เหมาะสม
คลิกที่บันทึก
ใช้เครื่องมือแก้ไขหลายรายการในครั้งเดียวเพื่อเพิ่มพิกัดศุลกากรและประเทศต้นทาง
หากคุณไม่ได้มีสินค้าจำนวนมากให้อัปเดตและทราบรหัส HS สินค้าของคุณอยู่แล้ว คุณสามารถเพิ่มรหัส HS และประเทศหรือภูมิภาคต้นทางได้โดยใช้เครื่องมือแก้ไขหลายรายการ
ขั้นตอน:
จากส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ให้ไปที่สินค้า
ตรวจสอบสินค้าที่คุณต้องการปรับเปลี่ยน
คลิก “แก้ไขสินค้า”
คลิกที่ “เพิ่มช่อง”
ในส่วนการจัดส่งให้คลิก “พิกัดศุลกากร” และ “ประเทศต้นทาง”
แก้ไขสินค้าของคุณตามจำเป็น จากนั้นคลิก “บันทึก”
หยุดเก็บอากรและภาษีนําเข้าในขั้นตอนการชำระเงิน
คุณสามารถหยุดการเก็บอากรและภาษีในขั้นตอนการชำระเงินในแต่ละประเทศหรือภูมิภาคในแต่ละครั้ง หรือคุณสามารถปิดใช้งานฟีเจอร์นี้โดยสิ้นเชิงเพื่อหยุดการเก็บภาษีและอากรสำหรับทุกประเทศและภูมิภาค
ปิดใช้งานการเก็บอากรและภาษีนำเข้าในแต่ละประเทศหรือภูมิภาค
- จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า>ภาษีและอากร
- ในส่วนอากรและภาษีนำเข้าให้คลิก “จัดการ”
- ในส่วนประเทศ/ภูมิภาคให้คลิกที่ “จัดการ”
- เลิกทำเครื่องหมายที่ประเทศหรือภูมิภาคที่คุณต้องการหยุดเก็บอากรและภาษีนำเข้า
- คลิกที่บันทึก
ปิดใช้งานการเก็บอากรและภาษีนำเข้าในทุกประเทศและภูมิภาค
- จากส่วนผู้ดูแล Shopify ให้ไปที่การตั้งค่า>ภาษีและอากร
- ในส่วนอากรและภาษีนำเข้าให้คลิก “จัดการ”
- คลิกปิดใช้งาน
- ยืนยันตัวเลือกของคุณ แล้วคลิกปิดใช้งาน
ใช้แอปจากภายนอกคํานวณอากรและภาษีนําเข้าในขั้นตอนการชำระเงิน
หากร้านค้าของคุณมีคุณสมบัติไม่ตรงตามข้อกำหนดในการเรียกเก็บอากรและภาษีนําเข้าในขั้นตอนการชำระเงิน คุณสามารถใช้แอปจากภายนอกจากShopify App Storeเพื่อแสดงค่าประมาณของอากรและภาษีนําเข้าของคำสั่งซื้อที่จะต้องเสียในขั้นตอนการชำระเงินได้ แอปเหล่านี้จะใช้รายละเอียดสินค้า เช่น ประเทศ หรือภูมิภาคของต้นทาง และพิกัดศุลกากรสำหรับสินค้าเพื่อคำนวณอากรและภาษีนำเข้า แอปจากภายนอกอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเพิ่มเติมหรือต่อเนื่อง
ขั้นตอน:
- เพิ่มประเทศหรือภูมิภาคต้นทางและพิกัดศุลกากรไปยังสินค้าของคุณ
- ติดตั้งแอปจาก Shopify App Store ที่คํานวณอากรและภาษีนําเข้า
แอปบางตัวอาจมีขั้นตอนการตั้งค่าเพิ่มเติม หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการเริ่มต้นการใช้งาน โปรดดูที่หน้าแอปใน Shopify App Store หรือติดต่อนักพัฒนาแอปเพื่อขอความช่วยเหลือ