การตั้งค่า Shopify Payments
คุณสามารถเปิดใช้งาน Shopify Payments ได้จากหน้าการชำระเงินในการตั้งค่า Shopifyก่อนที่คุณจะตั้งค่า Shopify Payments โปรดตรวจสอบสิทธิ์และข้อกำหนดเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของคุณ
ข้อมูลที่ต้องใช้ในการตั้งค่าบัญชี Shopify Payments ของคุณจะขึ้นอยู่กับประเทศที่ร้านค้าของคุณตั้งอยู่ดูรายการข้อกำหนดของแต่ละประเทศที่รองรับ
หลังจากที่คุณตั้งค่า Shopify Payments แล้ว ลูกค้าของคุณสามารถชำระเงินในร้านค้าโดยสามารถใช้ทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิตที่มีหมายเลข CVV ได้
ในหน้านี้
ค่าใช้จ่ายสำหรับ Shopify Payments
ค่าใช้จ่ายสำหรับ Shopify Payments จะแตกต่างกันไปตามแผนของคุณ คุณสามารถลดอัตราค่าใช้บัตรเครดิตลงได้ด้วยการอัปเกรดการสมัครใช้งาน Shopify ของคุณได้ คุณสามารถดูรายการการกำหนดราคาแยกย่อยตามแผนได้ในหน้าการกำหนดราคาของ Shopify
นอกเหนือจากอัตราค่าใช้บริการผ่านบัตรเครดิตและค่าธรรมเนียมการสมัครใช้งานแผน Shopify ของร้านค้าแล้ว จะไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน ค่าธรรมเนียมแอบแฝง และค่าธรรมเนียมการสร้างใดๆ สำหรับ Shopify Payments เมื่อคุณใช้ Shopify Payments เป็นผู้ประมวลผลของคุณ จะไม่มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจากภายนอกสำหรับคำสั่งซื้อ
หากคุณตัดสินใจเปลี่ยนแผนไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม ระบบก็จะอัปเดตอัตราค่าใช้บริการผ่านบัตรสำหรับ Shopify Payments ของคุณให้ เมื่อเปิดใช้งาน Shopify Payments ระบบจะเลิกการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมในการสมัครใช้งานที่ปรากฏบนหน้ากำหนดราคาของ Shopifyในทำนองเดียวกัน หากคุณใช้งาน Shopify Payments แล้วเปลี่ยนไปใช้ผู้ประมวลผลการชำระเงินรายอื่น ระบบก็จะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมในการสมัครใช้งาน Shopify โดยค่าธรรมเนียมเหล่านี้คิดเพิ่มจากค่าธรรมเนียมที่คุณต้องชำระแก่ผู้ประมวลผลการชำระเงินจากภายนอก
หลังจากที่คุณตั้งค่า Shopify Payments และเริ่มรับคำสั่งซื้อที่ชำระเงินด้วย Shopify Payments แล้ว คุณสามารถส่งออกธุรกรรมของคุณเพื่อติดตามค่าธรรมเนียมของคุณได้ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งออกธุรกรรมของคุณ
ตั้งค่า Shopify Payments
ก่อนที่คุณจะตั้งค่า Shopify Payments คุณควรตัดสินใจเลือกสกุลเงินของร้านค้าของคุณ สกุลเงินของร้านค้าคือสกุลเงินที่ใช้ในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณ ซึ่งเป็นสกุลเงินที่คุณใช้กำหนดราคาสินค้า และเป็นสกุลเงินที่ใช้ในรายงานต่างๆ ด้วย คุณควรเลือกสกุลเงินของร้านค้าก่อนทำการขายครั้งแรก หากคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสกุลเงินของร้านค้าหลังจากที่ทำการขายครั้งแรกไปแล้ว ให้ติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopifyเพื่อเปลี่ยนแปลงสกุลเงินของร้านค้าของคุณ
เฉพาะเจ้าของร้านค้าเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนผู้ให้บริการการชำระเงินได้
ข้อมูลที่ต้องใช้ในการตั้งค่าบัญชี Shopify Payments ของคุณจะขึ้นอยู่กับประเทศที่ร้านค้าของคุณตั้งอยู่ดูรายการข้อกำหนดของแต่ละประเทศที่รองรับ
วิธีการ
- จากส่วนผู้ดูแล Shopifyให้ไปที่การตั้งค่า>การชำระเงิน
- ในแอป Shopifyให้ไปที่ร้านค้า>การตั้งค่า
- ใต้การตั้งค่าร้านค้าให้แตะการชำระเงิน
- ในแอป Shopifyให้ไปที่ร้านค้า>การตั้งค่า
- ใต้การตั้งค่าร้านค้าให้แตะการชำระเงิน
เปิดใช้งาน Shopify Payments ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้:
- หากคุณยังไม่ได้ตั้งค่าผู้ให้บริการการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในบัญชีผู้ใช้ของคุณ ให้คลิกดำเนินการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ให้เสร็จสิ้นในส่วนShopify Payments
- หากคุณใช้งานผู้ให้บริการการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตรายอื่นอยู่ ให้คลิกเปิดใช้ Shopify Paymentsในกล่องShopify Paymentsจากนั้นเปิดใช้ Shopify Paymentsในกล่องโต้ตอบ วิธีนี้จะเป็นการลบผู้ให้บริการการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตรายอื่นออกจากบัญชีผู้ใช้ของคุณ
ป้อนรายละเอียดที่จำเป็นเกี่ยวกับร้านค้าและข้อมูลการธนาคารของคุณจากนั้นคลิกบันทึก
วิธีการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ให้เสร็จสมบูรณ์
เมื่อตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ Shopify Payments คุณจะต้องกรอกแบบฟอร์มอย่างถูกต้องให้สมบูรณ์เพื่อลดปัญหาการตรวจสอบยืนยันจากพาร์ทเนอร์ด้านการธนาคารของเราในอนาคต
ในส่วนรายละเอียดธุรกิจให้เลือกประเภทธุรกิจ เพิ่มหมายเลขธุรกิจ EIN หรือหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (TIN) (ถ้ามี) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจของคุณอยู่ในประเทศใด ที่อยู่ในส่วนนี้ควรเป็นที่อยู่ที่ระบุไว้ในเอกสารการจดทะเบียนธุรกิจใดๆ ก็ตามที่คุณมี หากคุณไม่มีธุรกิจที่จดทะเบียนพร้อมหมายเลข คุณอาจควรเลือกกิจการเจ้าของคนเดียว/ส่วนบุคคลเป็นประเภทธุรกิจของคุณ
หากคุณตั้งค่าบัญชี Shopify Payments ของคุณเป็นธุรกิจที่จดทะเบียนหรือธุรกิจประเภทอื่นที่ไม่ใช่กิจการเจ้าของคนเดียว/ส่วนบุคคล คุณจะต้องระบุรายละเอียดส่วนบุคคลต่อตัวแทนบัญชีผู้ใช้ ตัวแทนบัญชีผู้ใช้จะต้องเป็นเจ้าของ ผู้บริหารอาวุโส หรือกรรมการบริษัทที่ควบคุมบริษัทอย่างมีนัยสําคัญ และบุคคลที่มีอำนาจในการผูกพันบริษัทกับข้อกำหนดในการใช้บริการ Shopify Payments ตามกฎหมาย ข้อกำหนดนี้เป็นข้อกำหนดจากพาร์ทเนอร์ธนาคารของเราเพื่อจุดประสงค์ด้านการตรวจสอบยืนยัน
หากคุณอยู่ในสหรัฐอเมริกา คุณต้องตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นเพื่อรับยอดเงินที่ร้านค้าจะได้รับหากคุณไม่ได้เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นในบัญชีผู้ใช้ Shopify ของคุณ ยอดเงินที่ร้านค้าจะได้รับอาจถูกระงับชั่วคราว
หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านเอกสารยืนยันตัวตนและประเภทเอกสารที่ได้รับการยอมรับในแต่ละประเทศ โปรดดูที่ข้อกำหนดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับ Shopify Payments
คำขอใดๆ เกี่ยวกับเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลจะอยู่ในส่วน B1-3 ของข้อตกลงต่อข้อกำหนดในการใช้บริการ Shopify Paymentsหากต้องการตรวจสอบข้อกำหนดในการใช้บริการของเราทั้งหมด ให้เลื่อนไปที่ด้านล่างของหน้าแล้วเลือกประเทศของคุณ
หลังจากที่คุณตั้งค่า Shopify Payments คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าของคุณหรือสร้างธุรกรรมสำหรับทดสอบในร้านค้าของคุณได้
หากคุณต้องการถ่ายโอนสิทธิ์การเป็นเจ้าของบัญชีผู้ใช้ Shopify Payments ของคุณ ให้ติดต่อฝ่ายช่วยเหลือของ Shopify
ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับ Shopify Payments
ในการปฏิบัติตามข้อบังคับในประเทศต่างๆ คุณต้องระบุข้อมูลเกี่ยวกับคุณและธุรกิจของคุณ ข้อมูลดังกล่าวจะถูกเก็บรวบรวมเพื่อช่วยระบุผู้ขายที่ใช้ Shopify Payments รวมถึงเจ้าของผู้ได้รับประโยชน์ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง วัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูลนี้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฟอกเงิน การให้เงินเพื่อสนับสนุนการก่อการร้าย และความผิดทางด้านการเงินอื่นๆ
เมื่อกฎและข้อบังคับในท้องที่เปลี่ยนแปลง ทาง Shopify และพาร์ทเนอร์อาจติดต่อคุณเพื่อขอรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณและธุรกิจของคุณการตรวจสอบตามมาตรฐานเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในช่วงระยะเวลาการใช้งานบัญชี Shopify Payments ของคุณ
ข้อมูลที่ Shopify ต้องรวบรวมนั้นแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งต่อไปนี้:
- บุคคลที่สร้างบัญชี Shopify Payments
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบัญชี Shopify Payments
- บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือควบคุมในทอดสุดท้ายของธุรกิจซึ่งรวมถึงเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารอาวุโสที่มีอํานาจการลงลายมือชื่อด้านกฎหมายให้กับธุรกิจ
เมื่อจัดเตรียมเอกสารเป็นหลักฐาน โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารประกอบของคุณมีลักษณะดังต่อไปนี้เพื่อช่วยให้กระบวนการตรวจสอบยืนยันราบรื่น:
- มีความชัดเจนและมีขนาดใหญ่พอที่จะอ่าน
- ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน
- แสดงรายละเอียดทั้งหมดอย่างครบถ้วน
- ไม่มีข้อผิดพลาดหรือการสะกดคำผิดใดๆ
- ตรงกับข้อมูลที่ระบุ
เอกสารต่างๆ เพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตนและที่อยู่อาศัย
หากระบบไม่สามารถตรวจสอบยืนยันตัวตนของคุณโดยใช้ข้อมูลที่ให้ไว้ขณะลงทะเบียน Shopify Payments ก็อาจมีการขอให้คุณส่งเอกสารเพิ่มเติม โดยการตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลในบัญชี Shopify Payments อาจต้องใช้เอกสารสองฉบับแยกต่างหากกันดังนี้:
- เอกสารที่ใช้เป็นหลักฐานยืนยันตัวตน
- เอกสารที่ใช้เป็นหลักฐานของที่อยู่อาศัย
คุณไม่สามารถใช้เอกสารเดียวกันเพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันตัวตนและหลักฐานของที่อยู่อาศัยได้
เมื่ออัปโหลดเอกสารแสดงตัวตน โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารมีลักษณะดังต่อไปนี้:
- ต้องอัปโหลดเอกสารเป็นสีทั้งหมด การสแกน การถ่ายเอกสาร และรูปภาพสีขาวดำจะไม่ได้รับการตรวจสอบ
- เอกสารจะต้องถูกต้องและยังไม่หมดอายุ
- เอกสารต้องมีความชัดเจนและมีขนาดใหญ่พอที่จะอ่าน
- ไม่อนุญาตให้ใช้เอกสารระบุตัวตนที่เป็นสำเนา
ต้องอัปโหลดเอกสารให้ครบถ้วนสมบูรณ์เอกสารที่สมบูรณ์ประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้:
- ด้านหน้าและหลังของใบขับขี่หรือบัตรประจำตัวประชาชนแยกเป็นคนละภาพ
- หน้าข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของหนังสือเดินทาง
สามารถอัปโหลดเอกสารได้ในรูปแบบ .png หรือ .jpg
เอกสารยืนยันที่อยู่อาศัยต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้:
- เอกสารต้องมีความชัดเจนและมีขนาดใหญ่พอให้อ่านได้ โดยห้ามลบหรือปกปิดข้อมูลใดๆ
- ต้องระบุวันที่ในเอกสารภายใน 6 เดือนหรือ 3 เดือนที่ผ่านมาทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของ Shopify Payments ในประเทศของคุณ
เอกสารต้องครบถ้วนสมบูรณ์ เอกสารที่สมบูรณ์ประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้:
- เอกสารฉบับเต็ม
- ต้องระบุชื่อ-นามสกุลและที่อยู่ของบุคคลอย่างชัดเจนและอ่านง่าย
จะต้องอัปโหลดเอกสารในรูปแบบ .png, .jpg หรือ .pdf ก็ได้
หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านข้อมูลและเอกสาร โปรดดูที่รายการประเภทของเอกสารที่ยอมรับทั้งหมดของแต่ละประเทศ
เอกสารตรวจสอบยืนยันธุรกิจ
หากธุรกิจของคุณไม่สามารถตรวจสอบยืนยันได้โดยใช้ข้อมูลที่คุณให้ไว้เมื่อลงทะเบียน Shopify Payments อาจมีการร้องขอเอกสารเพิ่มเติม เอกสารที่คุณมอบต้องระบุชื่อธุรกิจ ที่อยู่ของธุรกิจ และหมายเลขจดทะเบียนบริษัท หรือหมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่ม
หากต้องการตรวจสอบยืนยันธุรกิจ ให้อัปโหลดเอกสารการจดทะเบียนธุรกิจของรัฐบาลกลางอย่างเป็นทางการ หากมี ซึ่งรวมถึงหมายเลขการจดทะเบียนภาษีของรัฐบาลกลางของคุณ
เอกสารทางธุรกิจต้องคุณสมบัติดังต่อไปนี้:
- เอกสารต้องมีความชัดเจนและมีขนาดใหญ่พอที่จะอ่าน
- เอกสารจะต้องถูกต้องและแสดงถึงการจดทะเบียนที่เป็นปัจจุบัน
ต้องอัปโหลดเอกสารให้ครบถ้วนสมบูรณ์เอกสารที่สมบูรณ์ประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้:
- ชื่อเต็มของธุรกิจ ที่อยู่ของธุรกิจ และหมายเลขภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือหมายเลขจดทะเบียนบริษัทที่ชัดเจนและอ่านง่าย
- หน้าทั้งหมดของเอกสาร โดยอัปโหลดเป็น PDF ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
สามารถอัปโหลดเอกสารได้ในรูปแบบ .png, .jpg หรือ .pdf
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่รายการประเภทของเอกสารที่ยอมรับของแต่ละประเทศ
ข้อมูลผู้ได้รับประโยชน์
บริษัทที่จดทะเบียนในไอร์แลนด์ต้องให้ข้อมูลด้านสิทธิ์การเป็นเจ้าของผลประโยชน์ ข้อมูลนี้จะต้องถูกต้องและเป็นปัจจุบัน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ข้อมูลด้านสิทธิ์การเป็นเจ้าของผลประโยชน์ของไอร์แลนด์
การอัปโหลดเอกสารตรวจสอบยืนยันของคุณ
เนื่องจากเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีอยู่ในเอกสารการตรวจสอบยืนยันที่ร้องขอ เราจะยอมรับเฉพาะเอกสารที่อัปโหลดผ่านแบนเนอร์ที่ปลอดภัยในส่วนผู้ดูแล Shopify ของคุณเท่านั้น เอกสารที่ส่งผ่านอีเมลหรือแชทจะถูกลบด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวและจะไม่สามารถใช้งานได้
กระบวนการตรวจสอบเอกสาร
การอัปโหลดข้อมูลระบุตัวตน ที่อยู่ และหลักฐานเอกสารทางกฎหมายของหน่วยงานจะต้องได้รับการตรวจสอบและเปรียบเทียบความตรงกันกับข้อมูลในบัญชี Shopify Payments ของคุณเรียบร้อยแล้วก่อนที่ธุรกิจของคุณจะได้รับการตรวจสอบยืนยันอย่างเต็มรูปแบบ
ในระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบ ยอดเงินที่ร้านค้าของคุณจะได้รับถูกระงับชั่วคราวจนกว่าจะได้รับการตรวจสอบยืนยันข้อมูล แต่ร้านค้าของคุณจะยังเปิดอยู่และลูกค้าจะยังสามารถซื้อสินค้าได้ หากคุณได้อัปโหลดเอกสารที่ตรงตามข้อกำหนด แล้วได้รับการแจ้งเตือนว่าข้อมูลของคุณไม่ได้รับการตรวจสอบยืนยันหลังจากนั้น ให้ติดต่อฝ่ายช่วยเหลือ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระงับบัญชี
ขั้นตอนการตรวจสอบวิธีการชำระเงินด้วยตนเอง
วิธีการชำระเงินในพื้นที่บางวิธีสำหรับ Shopify Payments ต้องได้รับการอนุมัติก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ โดยเมื่อคุณเปิดใช้งาน Shopify Paymentsระบบจะเริ่มขั้นตอนการอนุมัติสำหรับวิธีการชำระเงินในประเทศที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ ซึ่งวิธีการชำระเงินที่คุณยื่นขออนุมัติจะอยู่ในสถานะ “การตรวจสอบด้วยตนเอง” ในช่วงที่มีการตรวจสอบ หากการยื่นขออนุมัติของคุณได้รับการอนุมัติแล้ว คุณและลูกค้าของคุณจะสามารถเริ่มใช้วิธีการชำระเงินดังกล่าวได้ทันที