การเรียกคืนยอดเงินและการสอบถาม
หากคุณรับบัตรเครดิตในร้านค้าของคุณ คุณก็มีแนวโน้มจะต้องจัดการกับการคืนยอดเงินและการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อผู้ถือบัตรประสบปัญหากับการเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิต พวกเขาสามารถติดต่อธนาคารเพื่อโต้แย้งกาเรียกเก็บเงินได้ จากนั้นธนาคารจะทำการเรียกคืนยอดเงินหรือสอบถาม ผู้ถือบัตรอาจเป็นหนึ่งในลูกค้าของคุณหรือผู้ที่เชื่อว่าบัตรของพวกเขาถูกใช้ในร้านค้าของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต
หากธนาคารของผู้ถือบัตรทำการเรียกคืนยอดเงิน ธนาคารจะยึดยอดเงินที่มีการโต้แย้งคืนจากคุณทันที ธนาคารของผู้ถือบัตรยังเก็บค่าธรรมเนียมในการเรียกคืนยอดเงินจากคุณอีกด้วย หากธนาคารของผู้ถือบัตรทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง พวกเขาจะไม่ยึดยอดเงินที่มีการโต้แย้งหรือเก็บค่าธรรมเนียมทันที
คุณสามารถยุติกรณีการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้หลายวิธี บริษัทที่ออกบัตรเครดิตให้ผู้ถือบัตรมักจะตรวจสอบหลักฐานต่างๆ แล้วจึงยุติกรณีการเรียกคืนยอดเงินโดยอาจให้คุณชนะหรือฝ่ายผู้ถือบัตรชนะ หากคุณชนะข้อพิพาทการเรียกคืนยอดเงิน คุณจะได้รับยอดเงินที่มีการโต้แย้งคืน และ Shopify จะคืนค่าธรรมเนียมในการเรียกคืนยอดเงิน หากผู้ถือบัตรชนะข้อพิพาทการเรียกคืนยอดเงิน ผู้ถือบัตรจะได้รับยอดเงินที่มีการโต้แย้งคืน
หากคุณใช้งาน Shopify Payments และคุณจะได้รับการเรียกคืนยอดเงิน จำนวนเงินจะถูกหักออกจากการรับชำระเงินที่มีให้บริการถัดไปของคุณ
หากคุณใช้งาน Shopify Payments และยอดเงินที่ร้านค้าจะได้รับมีจำนวนเงินไม่เพียงพอสำหรับใช้ในการคืนสินค้า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ตั้งของคุณ
ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ยอดคงเหลือจะถูกหักจากบัญชีธนาคารของคุณในวันที่ได้รับยอดเงินของร้านค้า
ในประเทศอื่นๆ ทั้งหมด คืนเงินส่วนที่เหลือจะถูกหักออกจากยอดเงินที่คุณจะได้รับครั้งถัดไปจนกว่าจะได้รับเงินที่คืนครบตามจํานวน
กระบวนการเรียกคืนยอดเงิน
กระบวนการทั่วไปสำหรับการเรียกคืนยอดเงินมีดังต่อไปนี้:
- ผู้ถือบัตรโต้แย้งการเรียกเก็บเงินการบัตรเครดิตกับธนาคารของพวกเขา
- ธนาคารของผู้ถือบัตรส่งคำขอการเรียกคืนยอดเงินไปยังบริษัทบัตรเครดิตและหักเงินตามจำนวนที่โต้แย้งและค่าธรรมเนียมการเรียกคืนยอดเงินจากคุณ
- บริษัทบัตรเครดิตขอหลักฐานว่าคุณเรียกเก็บเงินอย่างถูกต้อง
- คุณรวบรวมหลักฐานเพื่อพิจารณาว่าการเรียกเก็บเงินนั้นถูกต้องหรือไม่ และเพิ่มหลักฐานดังกล่าวไปยังการตอบกลับการเรียกคืนยอดเงิน
- หลังจากที่คุณตอบกลับการเรียกคืนยอดเงินเรียบร้อยแล้ว คุณจะต้องส่งต่อการตอบกลับนั้นไปยังบริษัทบัตรเครดิตโดยคลิกที่ “ส่งการตอบกลับ”
- บริษัทบัตรเครดิตจะทำการตรวจสอบหลักฐาน การตรวจสอบจะใช้เวลาไม่เกิน 75 วันหลังจากที่ส่งการตอบกลับ
- บริษัทบัตรเครดิตแก้ปัญหาการเรียกคืนยอดเงิน
หากคุณคัดค้านการเรียกคืนยอดเงินสำเร็จ ธนาคารของผู้ถือบัตรจะคืนยอดเงินที่มีการโต้แย้งให้คุณ และ Shopify จะคืนค่าธรรมเนียมในการเรียกคืนยอดเงิน หากคุณชนะข้อพิพาทการเรียกคืนยอดเงินเพียงบางส่วน ธนาคารของผู้ถือบัตรจะคืนยอดเงินที่มีการโต้แย้งเพียงบางส่วนให้คุณ และ Shopify จะยังคืนค่าธรรมเนียมในการเรียกคืนยอดเงิน หากผู้ถือบัตรเรียกคืนยอดเงินสำเร็จ คุณจะไม่ได้รับทั้งยอดเงินที่มีการโต้แย้งและค่าธรรมเนียมคืน
ค่าธรรมเนียมการคืนยอดเงิน
เมื่อธนาคารเรียกยอดเงินคืนจากคุณ ธนาคารจะเก็บค่าธรรมเนียมการดำเนินการจากคุณด้วย หากคุณเป็นฝ่ายชนะในข้อพิพาทการเรียกคืนยอดเงิน Shopify จะคืนค่าธรรมเนียมส่วนนี้ให้คุณ รายการต่อไปนี้เป็นรายละเอียดค่าธรรมเนียมการดำเนินการในแต่ละประเทศหรือภูมิภาค
- 25 AUD ในออสเตรเลีย
- 25 CAD ในแคนาดา
- 15 ยูโรในออสเตรีย เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม และสเปน
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม 15 ยูโร + 23% ในไอร์แลนด์
- 85 HKD ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
- 1,300 JPY ในญี่ปุ่น
- 20 NZD ในนิวซีแลนด์
- 15 SGD ในสิงคโปร์
- 15 ยูโรหรือ 150 โครนาในสวีเดน โดยอิงตามสกุลเงินที่รับชำระ
- 10 GBP ในสหราชอาณาจักร
- 15 USD ในสหรัฐอเมริกา
กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง
นี่นับเป็นกระบวนการโดยทั่วไปสำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริง:
- ผู้ถือบัตรโต้แย้งการเรียกเก็บเงินต่อธนาคารของตนเอง
- ธนาคารของผู้ถือบัตรส่งคำร้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังบริษัทบัตรเครดิต บริษัทบัตรเครดิตไม่รับจำนวนเงินที่มีการโต้แย้งจากคุณ
- บริษัทบัตรเครดิตขอหลักฐานว่าคุณเรียกเก็บเงินอย่างถูกต้อง
- คุณรวบรวมหลักฐานเพื่อหาว่าการชำระเงินครั้งดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ จากนั้นส่งหลักฐานที่ได้ไปพร้อมกับการตอบกลับการตรวจสอบข้อเท็จจริง
- หลังจากที่คุณตอบกลับการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว ให้คุณส่งต่อการตอบกลับนั้นไปยังบริษัทบัตรเครดิตดังกล่าวโดยคลิกที่ “ส่งการตอบกลับ”
- บริษัทบัตรเครดิตจะทำการตรวจสอบหลักฐาน การตรวจสอบจะใช้เวลาไม่เกิน 65-75 วันหลังจากทำธุรกรรม ในบางกรณี การตรวจสอบอาจใช้เวลานานกว่า 75 วัน
- บริษัทบัตรเครดิตแก้ไขกรณีที่มีการขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
หากกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจบลงโดยคุณเป็นฝ่ายชนะ คุณจะได้รับยอดเงินที่มีการโต้แย้งคืน หากผู้ถือบัตรเป็นฝ่ายชนะ บริษัทบัตรเครดิตจะยึดยอดเงินที่มีการโต้แย้งและเก็บค่าธรรมเนียมจากคุณ
แก้ปัญหาการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริง
คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริงข้อมูลได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
ติดต่อลูกค้ารายดังกล่าว
คุณสามารถพูดคุยกับลูกค้าที่ทำการสั่งซื้อทางโทรศัพท์หรืออีเมลเพื่อตรวจสอบว่าคุณสามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ หากลูกค้าเห็นพ้องว่าไม่จำเป็นต้องเรียกคืนเงิน ลูกค้าจะต้องติดต่อธนาคารและขอให้ธนาคารยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินไป คุณควรส่งหลักฐานที่แสดงว่าลูกค้ายินยอมที่จะยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินมาด้วย
แสดงหลักฐานเพิ่มเติม
หลังจากธนาคารของผู้ถือบัตรทำการเรียกคืนยอดเงินหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง คุณจะมีเวลาจำกัดในการส่งหลักฐานว่าการเรียกเก็บเงินนั้นถูกต้อง ช่วงเวลาที่คุณต้องส่งหลักฐานขึ้นอยู่กับบริษัทบัตรเครดิตและสาเหตุของการเรียกคืนยอดเงิน ตรวจสอบกับบริษัทบัตรเครดิตเพื่อดูระยะเวลาที่จำกัดสำหรับกรณีการเรียกคืนยอดเงิน
ประเภทของหลักฐานที่คุณควรส่งขึ้นอยู่กับเหตุผลที่ผู้ถือบัตรขอการเรียกคืนยอดเงินหรือการสอบถามเก็บหลักฐานของคุณที่เกี่ยวข้องและตรงประเด็น และลองพิจารณาการใช้ข้อมูลประกอบต่อไปนี้:
- หลักฐานการอนุมัติของลูกค้า
- บริการที่มอบให้
- การจัดส่งรายการ
- ข้อกำหนดในการใช้บริการและนโยบายการคืนเงิน
หากคุณจะเพิ่มเอกสารหรือรูปภาพใดๆ คุณควรจัดรูปแบบเอกสารหรือรูปภาพดังกล่าวให้สามารถดูได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องขยายภาพหรือครอบตัด เราขอแนะนำให้เลือกรูปภาพที่มีความคมชัดสูงและสามารถพิมพ์ออกมาเป็นสีขาวดำได้อย่างกระจ่างชัด เนื่องจากธนาคารหลายแห่งเปิดรับหลักฐานการเรียกคืนยอดเงินผ่านเครื่องแฟกซ์ อย่างไรก็ดี เราไม่แนะนำให้ส่งลิงก์เป็นหลักฐาน
หากคุณใช้Shopify Paymentsเครื่องมือของ Shopify จะเติมข้อมูลที่มีอยู่ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งระบบจะใช้เพื่อส่งการตอบกลับไปยังบริษัทบัตรเครดิตให้คุณโดยอัตโนมัติในวันที่ครบกําหนด ทั้งนี้ คุณสามารถเพิ่มหลักฐานเพิ่มเติมไปยังการตอบกลับได้ก่อนวันครบกําหนด ซึ่งวันที่ครบกําหนดคือ 7 ถึง 21 วันหลังจากที่มีการยื่นเรื่องการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริง
หากคุณปิดหรือหยุดร้านค้าของคุณชั่วคราว และคุณได้รับอีเมลเกี่ยวกับการเรียกคืนยอดเงิน คุณจะต้องเข้าไปที่ลิงก์ในอีเมลเพื่อเข้าสู่ระบบและชำระเงินซื้อแผนใหม่เพื่อเปิดร้านค้าอีกครั้ง หลังจากที่คุณเปิดร้านค้าอีกครั้งแล้ว คุณสามารถส่งหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อการปฏิเสธการเรียกคืนยอดเงินได้ หากคุณไม่เปิดร้านค้าของคุณอีกครั้ง ระบบจะส่งเฉพาะข้อมูลการธุรกรรมเบื้องต้นพร้อมกับการเรียกคืนยอดเงิน
หากคุณใช้ผู้ให้บริการการชำระเงินจากภายนอกคุณควรติดต่อผู้ให้บริการของคุณเพื่อหาวิธีส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตนั้นๆ
ยอมรับการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ยอมรับการเรียกคืนยอดเงิน
หากคุณคิดว่าการเรียกคืนยอดเงินถูกต้อง คุณสามารถยอมรับการเรียกคืนยอดเงินโดยไม่ส่งหลักฐานใดๆ ลูกค้าจะได้รับยอดเงินที่มีการโต้แย้งคืนและคุณจะไม่ได้รับค่าธรรมเนียมการเรียกคืนยอดเงินคืน
ดำเนินการคืนเงินเพื่อยุติการตรวจสอบข้อเท็จจริง
หากคิดว่าเหตุผลเบื้องหลังการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างถูกต้องยุติธรรม คุณสามารถดำเนินการคืนเงินเต็มจำนวนสำหรับคำสั่งซื้อเพื่อยุติการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ทันที หากคุณจะคืนเงินเพียงบางส่วน การเรียกคืนยอดเงินเต็มจำนวนจะยังคงเกิดขึ้นได้ หากคุณออกเงินเต็มจำนวน ผู้ถือบัตรจะไม่สามารถเริ่มการเรียกคืนยอดเงินได้
เหตุผลในการเรียกคืนยอดเงินและการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ประเภทหลักฐานที่คุณควรส่งไปยังบริษัทบัตรเครดิตเพื่อแก้ไขปัญหาการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นอยู่กับเหตุผลที่ลูกค้าแจ้งเพื่อปฏิเสธการชำระเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริง ลูกค้าอาจโต้แย้งการเรียกเก็บเงินด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้:
- การหลอกลวง
- ไม่รู้จัก
- ทำซ้ำ
- การสมัครสมาชิกถูกยกเลิก
- ไม่ได้รับสินค้า
- สภาพสินค้าไม่น่าพึงพอใจ
- เครดิตไม่ได้รับการประมวลผล
- ทั่วไป
การหลอกลวง
การเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็นFraudulent
หากผู้ถือบัตรไม่อนุญาตให้เรียกเก็บเงิน นี่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการเรียกคืนยอดเงินและอาจเกิดขึ้นได้หากบัตรถูกขโมย
ในการรับมือกับการเรียกเก็บเงินที่หลอกลวง คุณสามารถลองติดต่อลูกค้าที่วางคำสั่งซื้อได้ ลูกค้าอาจลืมว่ามีการซื้อหรือการซื้อดังกล่าวอาจดำเนินการโดยลูกหลาน เพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัว ลูกค้าเห็นพ้องว่าการเรียกเก็บเงินถูกต้อง คุณควรแจ้งให้ลูกค้าติดต่อธนาคารและแจ้งให้ธนาคารทราบว่าลูกค้าต้องการยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน นอกจากนี้ คุณก็ควรส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตดังกล่าว รวมถึงใบแจ้งที่ลูกค้าระบุว่าตนต้องการให้ยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน
หากคุณคิดว่าลูกค้าเข้าใจผิดหรือแจ้งข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง คุณควรส่งหลักฐานต่อไปนี้ไปยังบริษัทบัตรเครดิต:
- วันและเวลาที่คำสั่งซื้อได้รับการจัดการ
- ข้อมูลการเรียกเก็บเงินที่ลูกค้าใช้
- ที่อยู่ IP และประเทศที่ใช้สำหรับคำสั่งซื้อ
- ข้อมูลการจัดส่งและการติดตามของคำสั่งซื้อ
หากคุณต้องการตรวจสอบคำสั่งซื้อทั้งหมดก่อนดำเนินการให้คุณสามารถจัดเก็บการชำระเงินด้วยตนเองได้ การจัดเก็บการชำระเงินของคำสั่งซื้อด้วยตนเองช่วยให้คุณสามารถดูการวิเคราะห์การหลอกลวงแบบเต็มรูปแบบสำหรับคำสั่งซื้อก่อนที่คุณจะตัดสินใจจัดการคำสั่งซื้อและยอมรับการชำระเงิน การตรวจสอบคำสั่งซื้อที่มีความเสี่ยงสูงช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงการเรียกคืนยอดเงินที่อาจเกิดขึ้นได้ การจัดการคำสั่งซื้อที่มีความเสี่ยงสูงอาจส่งผลให้เกิดการปฏิเสธชำระเงินจำนวนเป็นจำนวนมาก หากคุณได้รับการเรียกคืนยอดเงินเป็นจำนวนมากแล้วการประมวลผลการชำระเงินจะถูกปิดการใช้งานและคุณอาจถูกลบออกจาก Shopify Payments
บริษัทบัตรเครดิตสามารถคืนเงินที่ถูกหักไปแล้วสำหรับบัตรที่ถูกขโมยหลังจากที่จัดการคำสั่งซื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว Shopify จะช่วยคุณรวบรวมหลักฐานสำหรับค่าบริการใดก็ตามที่ถูกโต้แย้ง อย่างไรก็ตาม ธนาคารที่ออกบัตรเครดิตจะเป็นผู้ตัดสินใจในการคืนเงิน ไม่ใช่ Shopify แต่อย่างใด ทั้งนี้ Shopify จะไม่ครอบคลุมบริการคืนเงินที่ถูกหักไปแล้วจากธนาคาร
ไม่รู้จัก
การเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็นUnrecognized
หากลูกค้าไม่ทราบถึงชื่อผู้ขายหรือตำแหน่งที่ตั้งที่ปรากฏอยู่บนใบแจ้งยอดบัตรเครดิตของตนเอง
ในการรับมือกับการเรียกเก็บเงินที่ไม่รู้จัก ให้คุณลองติดต่อลูกค้ารายดังกล่าว บางครั้งลูกค้าอาจลืมว่ามีการซื้อหรือการซื้อดังกล่าวอาจดำเนินการโดยลูกหลาน เพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัว ลูกค้าเห็นพ้องว่าการเรียกเก็บเงินถูกต้อง คุณควรแจ้งให้ลูกค้าติดต่อธนาคารและแจ้งให้ธนาคารทราบว่าลูกค้าต้องการยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน
นอกจากนี้ คุณก็ควรส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตดังกล่าว รวมถึงใบแจ้งที่ลูกค้าระบุว่าตนต้องการให้ยกเลิกการเรียกเก็บเงิน คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
- วันที่และเวลาที่คุณจัดการคำสั่งซื้อ
- ข้อมูลการเรียกเก็บเงินที่ลูกค้าใช้
- ที่อยู่ IP และประเทศที่ใช้สำหรับคำสั่งซื้อ
- ข้อมูลการจัดส่งและการติดตามของคำสั่งซื้อ
ทำซ้ำ
การเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็นDuplicate
หากลูกค้าเชื่อว่าคุณได้เรียกเก็บเงินพวกเขาซ้ำสองครั้งสำหรับสินค้าหรือบริการเดียวกัน
หากคุณไม่ได้เรียกเก็บเงินกับลูกค้าซ้ำสองครั้ง ให้คุณลองติดต่อลูกค้าเหล่านั้น และแสดงรายละเอียดให้ลูกค้าทราบว่าการเรียกเก็บเงินเหล่านั้นเป็นการเรียกเก็บเงินสำหรับสินค้าหรือบริการที่ต่างกัน ลูกค้าเห็นพ้องว่าการเรียกเก็บเงินถูกต้อง คุณควรแจ้งให้ลูกค้าติดต่อธนาคารและแจ้งให้ธนาคารทราบว่าลูกค้าต้องการยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน
หากลูกค้าไม่ยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินหรือการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังจากคุณได้พูดคุยกับพวกเขา คุณจำเป็นต้องส่งหลักฐานว่าการเรียกเก็บเงินทั้งสองครั้งเป็นยอดเงินของสินค้าหรือบริการที่แยกกัน คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
- คำอธิบายถึงเหตุผลในการเรียกเก็บค่าบริการทั้งสองครั้ง
- ใบเสร็จที่ระบุว่าการเรียกเก็บค่าบริการทั้งสองครั้งนั้นเป็นการเรียกเก็บสำหรับสินค้าหรือบริการที่แตกต่างกัน
- การติดต่อสื่อสารใดๆ กับลูกค้าที่คุณแจ้งให้พวกเขาทราบเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินสองครั้ง
หากคุณเรียกเก็บเงินจากลูกค้าสองครั้งสำหรับสินค้าหรือบริการเดียวกันจริง คุณจำเป็นต้องยอมรับการเรียกคืนยอดเงิน
การสมัครสมาชิกถูกยกเลิก
การเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็นSubscription canceled
หากลูกค้าเชื่อว่าคุณได้เรียกเก็บเงินพวกเขาสำหรับการสมัครใช้งานหลังจากที่ควรยกเลิกไปแล้ว นอกจากนั้นยังอาจหมายความว่าลูกค้าคาดหวังให้มีการแจ้งเตือนก่อนการเรียกเก็บเงินแต่ละครั้งแต่กลับไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆ
ในการแก้ไขการเรียกคืนยอดเงิน คุณควรติดต่อลูกค้าของคุณ เพราะเป็นหนทางหนึ่งที่คุณจะสามารถอธิบายว่าพวกเขาเข้าใจผิดอย่างไร หรือเจรจาตกลงร่วมกันได้ หากคุณได้ข้อสรุปการเจรจาแล้ว คุณควรแจ้งให้ลูกค้าติดต่อธนาคารของพวกเขาและแจ้งว่าพวกเขาต้องการยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน คุณควรส่งหลักฐานในการพูดคุยนี้ไปยังบริษัทบัตรเครดิต
หากคุณคิดว่าลูกค้าไม่ได้ยกเลิกการสมัครสมาชิกก่อนการเรียกเก็บเงิน คุณควรส่งหลักฐานที่แสดงว่าลูกค้ายกเลิกการสมัครสมาชิกหลังจากมีการเรียกเก็บเงินไปยังบริษัทบัตรเครดิต คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
- นโยบายการยกเลิกการสมัครใช้งานของคุณ
- อีเมลหรือการแจ้งเตือนใดๆ เกี่ยวกับการยกเลิกที่ส่งถึงลูกค้า
- คำอธิบายถึงเวลาและสถานที่ที่มีการแสดงนโยบายการยกเลิกให้ลูกค้าทราบ
- หากสินค้าหรือบริการเป็นระบบดิจิทัล ให้แสดงบันทึกกิจกรรมที่แสดงให้เห็นว่าลูกค้าได้เข้าถึงสินค้าหรือบริการหลังจากวันที่ลูกค้าแจ้งว่าได้ยกเลิกการสมัครใช้งานแล้ว
หากคุณเรียกเก็บเงินจากลูกค้าหลังจากพวกเขายกเลิกการสมัครใช้งาน คุณจำเป็นต้องยอมรับการเรียกคืนยอดเงิน
ไม่ได้รับสินค้า
การเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็นProduct not received
หากลูกค้าเชื่อว่าพวกเขาไม่ได้รับสินค้าหรือบริการที่ซื้อไป
คุณควรลองติดต่อลูกค้าก่อนเพื่อตรวจสอบว่าปัญหาคืออะไร หากคุณสามารถแก้ไขปัญหากับลูกค้าของคุณได้ คุณควรให้ลูกค้าติดต่อธนาคารของพวกเขาเพื่อแจ้งให้ธนาคารยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินดังกล่าว คุณควรแนบหลักฐานว่าลูกค้ายินยอมที่จะยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินไว้กับการตอบกลับที่คุณส่งไปยังบริษัทบัตรเครดิต
หากคุณไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวกับลูกค้าได้คุณควรส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตเพื่อแสดงว่าลูกค้าได้รับสินค้าหรือบริการก่อนมีการดำเนินการเรียกคืนยอดเงิน คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
- วันที่และเวลาที่คุณจัดการคำสั่งซื้อ
- ข้อมูลการเรียกเก็บเงินที่ลูกค้าใช้
- ข้อมูลการจัดส่งและการติดตามของคำสั่งซื้อ
- หากสินค้าหรือบริการเป็นระบบดิจิทัล ให้แสดงบันทึกกิจกรรมที่แสดงให้เห็นว่าลูกค้าได้เข้าถึงสินค้าหรือบริการ
สภาพสินค้าไม่น่าพึงพอใจ
การเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็นProduct unacceptable
หากลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าที่ได้รับมีตำหนิ ได้รับความเสียหาย หรือไม่เป็นไปตามคำอธิบาย
เริ่มต้นโดยติดต่อลูกค้าของคุณ หากคุณสามารถแก้ไขปัญหากับลูกค้าของคุณได้ คุณควรให้ลูกค้าติดต่อธนาคารของพวกเขาเพื่อแจ้งให้ธนาคารยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินดังกล่าว คุณควรส่งหลักฐานที่แสดงว่าลูกค้ายินยอมที่จะยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินไปยังบริษัทบัตรเครดิต หากลูกค้าไม่ได้พยายามส่งคืนสินค้าหรือยกเลิกบริการก่อนดำเนินการเรียกคืนยอดเงิน หรือคุณให้สินค้าหรือบริการทดแทนแก่ลูกค้าไปแล้ว โปรดส่งหลักฐานการดำเนินการมาด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าคุณได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้กับลูกค้าไปแล้วหรือยังไม่ได้ดำเนินการก็ตาม คุณควรส่งหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปยังบริษัทบัตรเครดิต คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
- วันที่และเวลาที่คุณจัดการคำสั่งซื้อ
- ข้อมูลการเรียกเก็บเงินที่ลูกค้าใช้
- ข้อมูลการจัดส่งและการติดตามของคำสั่งซื้อ
- คำอธิบายหรือรูปภาพของสินค้าจากร้านค้าของคุณที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นไปตามที่อธิบายไว้
เครดิตไม่ได้รับการประมวลผล
การเรียกคืนยอดเงินจะถูกทำเครื่องหมายเป็นCredit not processed
หากลูกค้าแจ้งคุณว่าสินค้าที่ซื้อถูกตีกลับหรือธุรกรรมที่ดำเนินกับคุณถูกยกเลิก แต่คุณยังไม่ได้คืนเงินหรือเพิ่มเงินให้ลูกค้าคืน
เริ่มต้นโดยติดต่อลูกค้าของคุณ คุณไม่สามารถคืนเงินได้หลังจากดำเนินการเรียกคืนยอดเงินไปแล้ว แต่คุณสามารถอธิบายสถานการณ์หรือหาวิธีอื่นในการแก้ไขปัญหานี้ได้ หากลูกค้าร้องขอกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริง คุณจึงสามารถดำเนินการคืนเงินได้ หากคุณสามารถแก้ไขปัญหากับลูกค้าของคุณได้ คุณควรให้ลูกค้าติดต่อธนาคารของพวกเขาเพื่อแจ้งให้ธนาคารยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินหรือกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว คุณควรส่งหลักฐานที่แสดงว่าลูกค้ายินยอมที่จะยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินไปยังบริษัทบัตรเครดิต
หากคุณไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ และคิดว่าการเรียกคืนยอดเงินนั้นไม่ถูกต้อง คุณควรส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตว่าคุณได้คืนเงินลูกค้าก่อนมีการดำเนินการเรียกคืนยอดเงินหรือกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว หรือลูกค้ารายนั้นไม่มีสิทธิ์ในการขอคืนเงิน คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
- นโยบายการคืนเงินและการคืนสินค้าของคุณ
- คำอธิบายถึงเวลาและสถานที่ที่มีการแสดงนโยบายการคืนเงินให้ลูกค้าทราบ
- อีเมลหรือการแจ้งเตือนใดๆ เกี่ยวกับการคืนเงินที่ส่งถึงลูกค้า
- คำอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกค้าไม่มีสิทธิ์ได้รับการคืนเงิน
ทั่วไป
ระบบจะทำเครื่องหมายการคืนยอดเงินเป็นGeneral
หากการคืนยอดเงินดังกล่าวไม่เป็นไปตามหมวดหมู่ใดหมวดหมู่หนึ่ง
วิธีแก้ไขปัญหาการคืนยอดเงินทั่วไปคุณควรเริ่มโดยพยายามติดต่อลูกค้า เพื่อตรวจสอบว่าสิ่งใดเป็นปัญหา หากคุณสามารถแก้ไขปัญหากับลูกค้าของคุณได้ คุณควรแจ้งให้ลูกค้าติดต่อธนาคารของพวกเขาเพื่อแจ้งให้ธนาคารยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินดังกล่าว และคุณควรส่งหลักฐานที่แสดงว่าลูกค้ายินยอมที่จะยกเลิกการเรียกคืนยอดเงินไปยังบริษัทบัตรเครดิตด้วยเช่นกัน
หากลูกค้าไม่ต้องการยกเลิกการเรียกคืนยอดเงิน คุณควรส่งหลักฐานไปยังบริษัทบัตรเครดิตว่าการเรียกเก็บเงินนั้นถูกต้อง คุณสามารถส่งหลักฐานบางส่วนดังต่อไปนี้ได้:
- รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าที่สั่งซื้อ
- วันและเวลาที่คำสั่งซื้อได้รับการจัดการ
- ข้อมูลการเรียกเก็บเงินของลูกค้า
- ที่อยู่ IP และประเทศของลูกค้า
- อีเมลหรือการติดต่อสื่อสารอื่นๆ ที่คุณเคยส่งให้ลูกค้า
- USPS/FedEx/UPS หรือการติดตามออนไลน์อื่นๆ รวมทั้งการยืนยันการจัดส่งต่างๆ
- หลักฐานการคืนเงินหรือการจัดส่งสินค้าทดแทนที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้า